Himalayan เปิดตัวในปีค.ศ. 2016 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรถจักรยานยนต์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และใช้งานได้จริงในทุกสภาพเส้นทาง มาเป็นรุ่นย่อยใหม่ภายใต้รถจักรยานยนต์ประเภทแอดเวนเจอร์ ทัวริ่ง (adventure touring) Himalayan ถือเป็นรถจักรยานยนต์ที่ประสบความสำเร็จมาก
กลุ่มนักขี่ Himalayan ทั่วโลกนั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมา Himalayan ได้กลายเป็นรถจักรยานยนต์ประเภทแอดเวนเจอร์ ทัวริ่งที่ผู้คนเข้าถึงได้ง่าย ครั้งนี้ Himalayan มาใน 3 สีใหม่ล่าสุด New Granite Black (สีด้านและสีเงาผสมกัน), Mirage Silver และ Pine Green เพิ่มมาจากสี Rock Red, Lake Blue และ Gravel Grey ที่มีอยู่แล้ว มีสวิตช์สำหรับปิดเปิดระบบ ABS เพื่อให้ลุยได้ทุกภูมิประเทศ อีกทั้งมี Tripper ระบบนำทางที่แสดงผลแบบ Turn-By-Turn (TBT) ทั้งหมดนี้ทำให้รถมีความอเนกประสงค์มากขึ้น ขี่สบายขึ้น
Himalayan เป็นรถจักรยานยนต์ที่เรียบง่าย มีความอเนกประสงค์สูง และขี่ไปได้ทุกที่ ในด้านการออกแบบ รอยัล เอ็นฟีลด์ได้แรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์การขี่รถจักรยานยนต์บนเทือกเขาหิมาลัยกว่า 50 ปี คุณสมบัติหลักของตัวรถทำให้ Himalayan ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ขี่ทั่วโลก ปัจจุบัน Himalayan เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะรถสำหรับการผจญภัยที่มีประสิทธิภาพสูง ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านรถจักรยานยนต์ระดับโลก รวมถึงได้ขึ้นหน้าปกของนิตยสารรถยนต์ชั้นนำระดับโลก และเป็นหนึ่งในรถจักรยานยนต์ชั้นนำของรอยัล เอ็นฟีลด์ที่มีจำหน่ายในหลายภูมิภาค เช่น ยุโรป อเมริกา ละตินอเมริกา และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเพื่อเป็นการอัพเกรด Himalayan เดิมที่โดดเด่นในด้านความอเนกประสงค์และพลัง รอยัล เอ็นฟีลด์ได้เพิ่ม Royal Enfield Tripper ซึ่งเป็นหน้าปัดแสดงผลการนำทางแบบเรียลไทม์ (real time) บนตัวรถที่มี Google Maps ในตัว และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของผู้ขี่ผ่านแอปพลิเคชัน ‘Royal Enfield’ ได้ นอกจากนี้กลุ่มผู้ชอบขี่ Himalayan ยังเป็นแรงบันดาลใจให้แบรนด์ทำการปรับปรุงด้านความสวยงาม ตลอดจนการอัพเกรดทั้งภายใน และภายนอกเพื่อยกระดับประสบการณ์การขี่ Himalayan อัพเกรดใหม่ยังคงมีคุณสมบัติที่โดดเด่นต่าง ๆ เหมือนเดิม แต่เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบป้องกันเบรกล็อคแบบสลับได้ ทำให้ผู้ขี่ควบคุมตัวรถได้ดีมากขึ้น
Himalayan อัพเกรดใหม่มาใน 3 สีใหม่ล่าสุด Granite Black, Mirage Silver และ Pine Green เพิ่มมาจาก 3 สีเดิม Rock Red, Lake Blue และ Gravel Grey และพร้อมให้ผู้ขี่ชาวไทยได้ทดลองขับและจองแล้ว ในราคา 189,700 บาท