New Comer Jeep Avenger รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่เตรียมลุยยุโรป
เดือนกันยายนที่ผ่านมาทาง Jeep ได้ประกาศแผนการเปิดตัวรถไฟฟ้า 4 รุ่นใหม่ภายในปี 2025 โดยหนึ่งในนั้นคือ Avenger ซึ่งเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าที่ถูกออกแบบสำหรับตลาดยุโรปโดยเฉพาะ และตอนนี้ Avenger ก็ถูกเผยโฉมออกมาแล้วในงานปารีสมอเตอร์โชว์ 2022
Jeep Avenger ซึ่งเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดเล็กมีความยาว 4,076 มม. อยู่บนสถาปัตยกรรม eCAMP ของ Stellantis เหมือนที่อยู่ใน Peugeot e-2008 โดยรถมาพร้อมกับดีไซน์คลาสสิกที่เป็นเอกลักษณ์ของ Jeep อย่างกระจังหน้า 7 ช่อง ซุ้มล้อขนาดใหญ่ แผ่นกันกระแทกอลูมินัมใต้กันชนหน้าและกันชนหลัง นอกจากนี้ยังมีกราฟฟิกไฟท้ายรูปตัวเอ็กซ์ มีคิ้วกันกระแทกสีดำรอบตัวรถ โดยทาง Jeep ระบุว่ามีการป้องกัน 360 องศารอบตัวรถรวมทั้งไฟหน้าเมื่อถูกกระแทกที่ความเร็วต่ำ
ในห้องโดยสารของ Avenger ใช้สีจากภายนอกรถในการแต่งแผงแดชบอร์ด และมีการออกแบบให้มีความอเนกประสงค์ด้วยช่องเก็บของตามส่วนต่างๆ โดยทาง Jeep ระบุว่าเฉพาะที่เบาะแถบหน้ามีพื้นที่เก็บของรวมถึง 380 ลิตร ส่วนจอตรงกลางแบบลอยตัวมีขนาด 10.25 นิ้วมาพร้อมกับระบบ Infotainment Uconnect ล่าสุดโดยที่รองรับทั้ง Apple CarPlay ไร้สายและ Android Auto ส่วนจอแสดงข้อมูลผู้ขับแบบดิจิตอลมีขนาด 7 หรือ 10.25 นิ้ว
อุปกรณ์ต่างๆ ในห้องโดยสารของรถยังรวมไปถึงระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ เซ็นเซอร์ 360 องศารอบตัวรถเพื่อช่วยจอดรถ และกล้องมองหลังพร้อม Drone View โดย Avenger มาพร้อมกับระบบช่วยขับซึ่งเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติเลเวล 2 ทำให้มีทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน ระบบตรวจจับมุมบอด ระบบช่วยให้รถอยู่ในเลน และระบบช่วยจอดรถ
ด้านการขับเคลื่อน รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่จาก Jeep ถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 400-volt ที่ด้านหน้าของรถซึ่งให้กำลังออกมา 156 อรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ส่วนพลังงานในการขับเคลื่อนจะถูกเก็บไว้ที่แบตเตอรี 54 kWh ที่ถูกติดตั้งอยู่ใต้เบาะหน้า ใต้เบาะหลัง และใต้อุโมงค์กลาง โดยถูกระบุว่าให้ระยะการเดินทางรวมทั้งในและนอกเมือง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ แต่หากเป็นการเดินทางในเมืองจะได้ถึง 550 กิโลเมตร
ในส่วนของการชาร์จไฟหากใช้สาย 100 kW Mode 4 และเครื่องชาร์จเร็วจะสามารถชาร์จไฟจาก 20-80 เปอร์เซ็นต์ได้ในเวลา 24 นาที หรือสามารถเพิ่มระยะการเดินทางได้อีก 30 กิดลเมตรด้วยการชาร์จไฟ 3 นาที แต่หากชาร์จกับ Wall Box ตามปกติโดยใช้สายชาร์จ 11 kW Mode 3 จะใช้เวลา 5.5 ชั่วโมงเพื่อชาร์จชไฟจนเต็ม
ตั้งแต่เปิดตัวในงานปารีสมอเตอร์โชว์จนถึงสิ้นเดือนตุลาคมทาง Jeep เปิดรับจอง Avenger 1st Edition ซึ่งมาพร้อมกับแพกเก็จพิเศษอย่างตัวรถสีเหลือง Sun หรือสีเทา Granite พร้อมมีหลังคาสีดำ Valcano มีล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมทั้งกระจก Privacy Glass และไฟฟูล LED ที่ภายนอก ส่วนในห้องโดยสารมีจอขนาด 10.25 นิ้วคู่ แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย ไฟ Multi-color Ambient Lighting เบาะพรีเมียมสีดำพร้อมปรับความอุ่นได้และเดินด้ายสีเหลือง พื้นที่เก็บของด้านหลังปรับความสูงได้ และระบบเปิดฝาท้าย Hand-free
ทาง Jeep จะผลิต Avenger ที่โรงงานของ Stellantis ในโปแลนด์ โดยจะเริ่มมีรถออกมาในช่วงต้นปี 2023
Jeep Avenger ซึ่งเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดเล็กมีความยาว 4,076 มม. อยู่บนสถาปัตยกรรม eCAMP ของ Stellantis เหมือนที่อยู่ใน Peugeot e-2008 โดยรถมาพร้อมกับดีไซน์คลาสสิกที่เป็นเอกลักษณ์ของ Jeep อย่างกระจังหน้า 7 ช่อง ซุ้มล้อขนาดใหญ่ แผ่นกันกระแทกอลูมินัมใต้กันชนหน้าและกันชนหลัง นอกจากนี้ยังมีกราฟฟิกไฟท้ายรูปตัวเอ็กซ์ มีคิ้วกันกระแทกสีดำรอบตัวรถ โดยทาง Jeep ระบุว่ามีการป้องกัน 360 องศารอบตัวรถรวมทั้งไฟหน้าเมื่อถูกกระแทกที่ความเร็วต่ำ
ในห้องโดยสารของ Avenger ใช้สีจากภายนอกรถในการแต่งแผงแดชบอร์ด และมีการออกแบบให้มีความอเนกประสงค์ด้วยช่องเก็บของตามส่วนต่างๆ โดยทาง Jeep ระบุว่าเฉพาะที่เบาะแถบหน้ามีพื้นที่เก็บของรวมถึง 380 ลิตร ส่วนจอตรงกลางแบบลอยตัวมีขนาด 10.25 นิ้วมาพร้อมกับระบบ Infotainment Uconnect ล่าสุดโดยที่รองรับทั้ง Apple CarPlay ไร้สายและ Android Auto ส่วนจอแสดงข้อมูลผู้ขับแบบดิจิตอลมีขนาด 7 หรือ 10.25 นิ้ว
อุปกรณ์ต่างๆ ในห้องโดยสารของรถยังรวมไปถึงระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ เซ็นเซอร์ 360 องศารอบตัวรถเพื่อช่วยจอดรถ และกล้องมองหลังพร้อม Drone View โดย Avenger มาพร้อมกับระบบช่วยขับซึ่งเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติเลเวล 2 ทำให้มีทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน ระบบตรวจจับมุมบอด ระบบช่วยให้รถอยู่ในเลน และระบบช่วยจอดรถ
ด้านการขับเคลื่อน รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่จาก Jeep ถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 400-volt ที่ด้านหน้าของรถซึ่งให้กำลังออกมา 156 อรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ส่วนพลังงานในการขับเคลื่อนจะถูกเก็บไว้ที่แบตเตอรี 54 kWh ที่ถูกติดตั้งอยู่ใต้เบาะหน้า ใต้เบาะหลัง และใต้อุโมงค์กลาง โดยถูกระบุว่าให้ระยะการเดินทางรวมทั้งในและนอกเมือง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ แต่หากเป็นการเดินทางในเมืองจะได้ถึง 550 กิโลเมตร
ในส่วนของการชาร์จไฟหากใช้สาย 100 kW Mode 4 และเครื่องชาร์จเร็วจะสามารถชาร์จไฟจาก 20-80 เปอร์เซ็นต์ได้ในเวลา 24 นาที หรือสามารถเพิ่มระยะการเดินทางได้อีก 30 กิดลเมตรด้วยการชาร์จไฟ 3 นาที แต่หากชาร์จกับ Wall Box ตามปกติโดยใช้สายชาร์จ 11 kW Mode 3 จะใช้เวลา 5.5 ชั่วโมงเพื่อชาร์จชไฟจนเต็ม
ตั้งแต่เปิดตัวในงานปารีสมอเตอร์โชว์จนถึงสิ้นเดือนตุลาคมทาง Jeep เปิดรับจอง Avenger 1st Edition ซึ่งมาพร้อมกับแพกเก็จพิเศษอย่างตัวรถสีเหลือง Sun หรือสีเทา Granite พร้อมมีหลังคาสีดำ Valcano มีล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมทั้งกระจก Privacy Glass และไฟฟูล LED ที่ภายนอก ส่วนในห้องโดยสารมีจอขนาด 10.25 นิ้วคู่ แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย ไฟ Multi-color Ambient Lighting เบาะพรีเมียมสีดำพร้อมปรับความอุ่นได้และเดินด้ายสีเหลือง พื้นที่เก็บของด้านหลังปรับความสูงได้ และระบบเปิดฝาท้าย Hand-free
ทาง Jeep จะผลิต Avenger ที่โรงงานของ Stellantis ในโปแลนด์ โดยจะเริ่มมีรถออกมาในช่วงต้นปี 2023