Edit
New Comer Toyota Corolla ได้รับการปรับขุมกำลังและระบบความปลอดภัยครบทุกตัวถังในญี่ปุ่น
Toyota ทำการอัพเดตให้กับ Corolla ที่ญี่ปุ่นครบทุกตัวถังทั้งซีดาน แวกอนหรือ Corolla Touring และแฮทช์แบ็กหรือ Corolla Sport ทั้งในส่วนของระบบขับเคลื่อนไฮบริดและเครื่องยนต์ธรรมดา รวมทั้งยังมีการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานด้านคามปลอดภัยให้กับรถ
Toyota Corolla ไฮบริดไม่ว่าจะเป็นตัวถังซีดาน แวกอน หรือแฮทช์แบ็ก ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 98 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตรที่ 3,600 รแบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้รับการอัพเดตในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลัง 95 แรงม้า แรงบิด 185 นิวตัน-เมตรให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เพื่อให้มีการตอบสนองที่รวดเร็วและมีการเร่งที่ราบลื่นขึ้น
โดยนอกจากรุ่นไฮบริดแล้วทาง Toyota ยังทำการอัพเดตในรุ่นเครื่องยนต์ให้กับ Corolla Touring ซึ่งเป็นตัวถังแวกอน ซึ่งจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Dynamic Force Engine ที่มีกำลัง 120 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตรที่ 4,800-5,200 รอบ/นาที โดยใช้เกียร์ Direct Shift CVT ส่งกำลัง ส่วน Corolla Sport หรือตัวถังแฮทช์แบ็กมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร Dynamic Force Engine ที่มีกำลัง 170 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 202 นิวตัน-เมตรที่ 4,900 รอบ/นาที โดยใช้เกียร์ Direct Shift CVT ส่งกำลัง ซึ่งทาง Toyota ระบุว่าเครื่องยนต์ใหม่ใน Corolla Touring และ Corolla Sport จะประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นพร้อมกับให้ความพึงพอใจในการขับมากขึ้น
อีกสิ่งที่ได้รับการอัพเดตใน Corolla ที่ญี่ปุ่นคือระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense โดยเพิ่มความปลอดภัยก่อนเกิดการชนให้กับรถด้วยการทำงานตรวจจับรถที่กำลังเข้ามาเมื่อเลี้ยวขวาที่ทางแยก รวมทั้งตรวจจับคนข้ามถนนทั้งเมื่อเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวา นอกจากนี้ยังมีการทำงาน Proactive Driving ซึ่งจะช่วยผู้ขับในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงอันตรายด้วยการช่วยควบคุมพวงมาลัยและเบรกเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้คนเดินถนน จักรยาน และรถที่จอดอยู่มากเกินไป
นอกจากนี้จอขนาด 8 นิ้วใน Corolla ยังรองรับระบบนำทางแบบเชื่อมต่อและ Apple CarPlay ไร้สาย รวมไปถึงบางเกรดของ Corolla จะมีกล้องหน้าและเซ็นเซอร์หลังมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยในด้านรูปลักษณ์ทาง Toyota ยังปรับดีไซน์ภายนอกทั้งในส่วนของไฟหน้า กระจังหน้าส่วนล่าง รวมทั้งสีที่มีให้เลือกใน Corolla ใหม่ และเริ่มขายรถที่ได้รับการอัพเดตทันทีที่เปิดตัวตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา
Toyota Corolla ไฮบริดไม่ว่าจะเป็นตัวถังซีดาน แวกอน หรือแฮทช์แบ็ก ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 98 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตรที่ 3,600 รแบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้รับการอัพเดตในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลัง 95 แรงม้า แรงบิด 185 นิวตัน-เมตรให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เพื่อให้มีการตอบสนองที่รวดเร็วและมีการเร่งที่ราบลื่นขึ้น
โดยนอกจากรุ่นไฮบริดแล้วทาง Toyota ยังทำการอัพเดตในรุ่นเครื่องยนต์ให้กับ Corolla Touring ซึ่งเป็นตัวถังแวกอน ซึ่งจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Dynamic Force Engine ที่มีกำลัง 120 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตรที่ 4,800-5,200 รอบ/นาที โดยใช้เกียร์ Direct Shift CVT ส่งกำลัง ส่วน Corolla Sport หรือตัวถังแฮทช์แบ็กมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร Dynamic Force Engine ที่มีกำลัง 170 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 202 นิวตัน-เมตรที่ 4,900 รอบ/นาที โดยใช้เกียร์ Direct Shift CVT ส่งกำลัง ซึ่งทาง Toyota ระบุว่าเครื่องยนต์ใหม่ใน Corolla Touring และ Corolla Sport จะประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นพร้อมกับให้ความพึงพอใจในการขับมากขึ้น
อีกสิ่งที่ได้รับการอัพเดตใน Corolla ที่ญี่ปุ่นคือระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense โดยเพิ่มความปลอดภัยก่อนเกิดการชนให้กับรถด้วยการทำงานตรวจจับรถที่กำลังเข้ามาเมื่อเลี้ยวขวาที่ทางแยก รวมทั้งตรวจจับคนข้ามถนนทั้งเมื่อเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวา นอกจากนี้ยังมีการทำงาน Proactive Driving ซึ่งจะช่วยผู้ขับในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงอันตรายด้วยการช่วยควบคุมพวงมาลัยและเบรกเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้คนเดินถนน จักรยาน และรถที่จอดอยู่มากเกินไป
นอกจากนี้จอขนาด 8 นิ้วใน Corolla ยังรองรับระบบนำทางแบบเชื่อมต่อและ Apple CarPlay ไร้สาย รวมไปถึงบางเกรดของ Corolla จะมีกล้องหน้าและเซ็นเซอร์หลังมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยในด้านรูปลักษณ์ทาง Toyota ยังปรับดีไซน์ภายนอกทั้งในส่วนของไฟหน้า กระจังหน้าส่วนล่าง รวมทั้งสีที่มีให้เลือกใน Corolla ใหม่ และเริ่มขายรถที่ได้รับการอัพเดตทันทีที่เปิดตัวตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา
Edit
Click here to add content.