New Comer BMW M2 มาแล้วตัวแรงของคูเป้รุ่นเล็ก
BMW เผยโฉม M2 ใหม่บนพื้นฐานของ 2 Series Coupe เจเนเรชันปัจจุบันที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่คุ้นเคยของรถ M อย่างการใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง รวมทั้งยังมีให้เลือกการส่งกำลังด้วยเกียร์แมนนวลหรืออัตโนมัติ พร้อมด้วยหน้าตาที่ดุดันบ่งบอกถึงพลังของรถ
BMW M2 ใหม่ถูกระบุว่ามาพร้อมกับขนาดตัวรถที่คอมแพกต์พร้อมด้วยอัตราส่วนที่มีพลังและการออกแบบ M Design ที่มีเอกลักษณ์ โดยตัวรถมีความยาวน้อยกว่า M4 Coupe 214 มม. และมีระยะฐานล้อสั้นกว่า 110 มม. แต่เมื่อเทียบกับ 2 Series Coupe แล้ว M2 จะมีความกว้างมากกว่า โดยรถถูกออกแบบให้มีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่สมดุลย์ในอัตราส่วน 50:50
การออกแบบภายนอกของรถคูเป้ขนาดเล็กรุ่นแรงใหม่เน้นเส้นสายที่มีเหลี่ยมสันอย่างชัดเจน โดยด้านหน้าของรถมาพร้อมกับกระจังหน้าไตคู่ใหม่ไร้กรอบพร้อมแถบแนวนอน ในขณะที่ช่องดักอากาศที่กันชนหน้าแบ่งเป็น 3 ส่วนโดยมีลักษณะที่เกือบจะตั้งตรงทั้งส่วนของกระจังหน้าและช่องดักอากาศ ด้านข้างรถให้ความดุดันไม่แพ้ด้านหน้าด้วยการออกแบบให้มีพื้นผิวที่เรียบเพื่อเน้นทั้งซุ้มล้อที่โป่งนูนอย่างชัดเจนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง รวมทั้งสเกิร์ตข้างขนาดใหญ่ ส่วนล้อ Light-Alloy ที่มากับรถมีขนาด 19 นิ้วที่ด้านหน้าและ 20 นิ้วที่ด้านหลัง
ขณะที่ด้านหลังของรถถูกระบุว่าออกแบบมาให้มีลักษณะที่คอมแพกต์ มีพลัง และสะกดสายตาด้วยส่วนต่างๆ อย่างสปอยเลอร์ปลายฝาท้าย แถบทับทิมสะท้อนแสงแนวตั้ง Diffuser ที่กันชนหลัง และปลายท่อไอเสียคู่ที่ทั้งสองฝั่งของกันชนหลัง โดยทาง BMW ระบุว่า M2 ใหม่มี 5 สีภายนอกให้เลือกรวมทั้งสีฟ้า Zandvoort Blue Solid และสีแดง Toronto Red Metallic ใหม่สำหรับ M 2 โดยเฉพาะ และมีหลังคา M Carbon ที่ช่วยลดน้ำหนักของรถลง 6 กิโลกรัมเป็นออฟชันให้เลือก
M2 ใหม่มีขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบเหมือนกับ M3 และ M4 แต่มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเครื่องยนต์ที่แตกต่างออกไป โดยสร้างกำลังออกมา 460 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตรที่ 2,650-5,870 รอบ/นาที พร้อมกับให้เสียงในการขับเคลื่อนที่ดุดันจากระบบระบายไอเสีย M-specific พร้อม Flap ควบคุมด้วยอีเล็กทรอนิก นอกจากนี้ระบบน้ำมันเครื่องและระบบระบายความร้อนยังถูกออกแบบให้รองรับกับการขับในสถานการที่ใช้พลังสูงอย่างเมื่ออยู่ในสนามแข่ง การส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อหลังของรถมีทั้งเกียร์แมนนวล 6 สปีด และเกียร์ M Steptronic 8 สปีดให้เลือก ส่วนการทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 4.3 วินาทีกับเกียร์แมนนวล แต่ใช้เวลา 4.1 วินาทีกับเกียร์ M Steptronic ในขณะที่ความเร็วสูงสุดของรถถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. แต่สามารถไปถึง 285 กม./ชม. ได้ด้วยออฟชัน M Driver’s Package โดยรถยังมาพร้อมกับ M Traction Control และ Active M Differential เพื่อให้ความปราดเปรียวและแม่นยำในการขับ
ห้องโดยสารของ M2 มาพร้อมกับ BMW Curved Display โดยจอแสดงข้อมูลผู้ขับขนาด 12.3 นิ้วมีการออกแบบกราฟฟิกและวางเลย์เอาต์ข้อมูลการขับพร้อม Shift Light ใหม่ ส่วนจอตรงกลางขนาด 14.9 นิ้วมี M-specific Widgets สำหรับให้เรียกดูการปรับตั้งรถและข้อมูลยาง นอกจากนี้ยังมี BMW Intelligent Personal Assistant มาพร้อมกับ BMW iDrive เจเนเรชันล่าสุด รวมไปถึงมี Apple CarPlay และ Android Auto เป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาพร้อมกับรถ และมีระบบเสาอากาศ 5G เพื่อให้การเชื่อมต่อที่ไม่ติดขัด
อุปกรณ์มาตรฐานในห้องโดยสารยังมีเบาะหน้าสปอร์ตที่ถูกออกแบบเฉพาะรุ่นหุ้มด้วย Sensatec/Alcantara แต่ก็มีเบาะ M Sport หุ้มหนัง Vernasco/Sensatec มีรูระบายอากาศให้เลือก รวมทั้งมีระบบปรับอากาศ 3 โซน ระบบนำทาง ไฟ Ambient Lighting และระบบลำโพงไฮ-ไฟ พร้อมมีปุ่ม Setup ที่คอนโซลกลางเพื่อเข้าถึงการปรับตั้งเครื่องยนต์ แชสซีส์ พวงมาลัย ระบบเบรก และ M Traction Control
ทาง BMW จะผลิต M2 ร่วมกับ 2 Series Coupe ที่โรงงานในเม็กซิโก ส่วนการขายรถจะเริ่มในเดือนเมษายน 2023 ขณะที่ราคารถยังไม่ระบุออกมา
ขณะที่ด้านหลังของรถถูกระบุว่าออกแบบมาให้มีลักษณะที่คอมแพกต์ มีพลัง และสะกดสายตาด้วยส่วนต่างๆ อย่างสปอยเลอร์ปลายฝาท้าย แถบทับทิมสะท้อนแสงแนวตั้ง Diffuser ที่กันชนหลัง และปลายท่อไอเสียคู่ที่ทั้งสองฝั่งของกันชนหลัง โดยทาง BMW ระบุว่า M2 ใหม่มี 5 สีภายนอกให้เลือกรวมทั้งสีฟ้า Zandvoort Blue Solid และสีแดง Toronto Red Metallic ใหม่สำหรับ M 2 โดยเฉพาะ และมีหลังคา M Carbon ที่ช่วยลดน้ำหนักของรถลง 6 กิโลกรัมเป็นออฟชันให้เลือก
M2 ใหม่มีขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบเหมือนกับ M3 และ M4 แต่มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเครื่องยนต์ที่แตกต่างออกไป โดยสร้างกำลังออกมา 460 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตรที่ 2,650-5,870 รอบ/นาที พร้อมกับให้เสียงในการขับเคลื่อนที่ดุดันจากระบบระบายไอเสีย M-specific พร้อม Flap ควบคุมด้วยอีเล็กทรอนิก นอกจากนี้ระบบน้ำมันเครื่องและระบบระบายความร้อนยังถูกออกแบบให้รองรับกับการขับในสถานการที่ใช้พลังสูงอย่างเมื่ออยู่ในสนามแข่ง การส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อหลังของรถมีทั้งเกียร์แมนนวล 6 สปีด และเกียร์ M Steptronic 8 สปีดให้เลือก ส่วนการทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 4.3 วินาทีกับเกียร์แมนนวล แต่ใช้เวลา 4.1 วินาทีกับเกียร์ M Steptronic ในขณะที่ความเร็วสูงสุดของรถถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. แต่สามารถไปถึง 285 กม./ชม. ได้ด้วยออฟชัน M Driver’s Package โดยรถยังมาพร้อมกับ M Traction Control และ Active M Differential เพื่อให้ความปราดเปรียวและแม่นยำในการขับ
ห้องโดยสารของ M2 มาพร้อมกับ BMW Curved Display โดยจอแสดงข้อมูลผู้ขับขนาด 12.3 นิ้วมีการออกแบบกราฟฟิกและวางเลย์เอาต์ข้อมูลการขับพร้อม Shift Light ใหม่ ส่วนจอตรงกลางขนาด 14.9 นิ้วมี M-specific Widgets สำหรับให้เรียกดูการปรับตั้งรถและข้อมูลยาง นอกจากนี้ยังมี BMW Intelligent Personal Assistant มาพร้อมกับ BMW iDrive เจเนเรชันล่าสุด รวมไปถึงมี Apple CarPlay และ Android Auto เป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาพร้อมกับรถ และมีระบบเสาอากาศ 5G เพื่อให้การเชื่อมต่อที่ไม่ติดขัด
อุปกรณ์มาตรฐานในห้องโดยสารยังมีเบาะหน้าสปอร์ตที่ถูกออกแบบเฉพาะรุ่นหุ้มด้วย Sensatec/Alcantara แต่ก็มีเบาะ M Sport หุ้มหนัง Vernasco/Sensatec มีรูระบายอากาศให้เลือก รวมทั้งมีระบบปรับอากาศ 3 โซน ระบบนำทาง ไฟ Ambient Lighting และระบบลำโพงไฮ-ไฟ พร้อมมีปุ่ม Setup ที่คอนโซลกลางเพื่อเข้าถึงการปรับตั้งเครื่องยนต์ แชสซีส์ พวงมาลัย ระบบเบรก และ M Traction Control
ทาง BMW จะผลิต M2 ร่วมกับ 2 Series Coupe ที่โรงงานในเม็กซิโก ส่วนการขายรถจะเริ่มในเดือนเมษายน 2023 ขณะที่ราคารถยังไม่ระบุออกมา