5 รถหรูราคาแพงสุดในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2022
Rolls-Royce Black Badge Ghost
Black Badge Ghost รถยนต์ที่มีราคาเริ่มต้น 37.9 ล้านบาทสูงสุดในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 โดยจะนำเสนอความเข้มดุดันทางสุนทรียศาสตร์, บุคลิกที่คล่องแคล่วมากกว่าเดิม และความโดดเด่นในการเลือกใช้วัสดุ ยนตรกรรมที่ยึดความเรียบง่ายของงานออกแบบตามปรัชญา Post Opulent ที่หล่อหลอมตำนานใหม่ให้กับ Ghost แต่ตอกย้ำ และฉีกกฎเกณฑ์ด้วยการใช้สีดำ
เช่นเดียวกับดีไซน์ภายในห้องโดยสารมีเลือกใช้วัสดุที่หรูหราล้ำสมัยได้รับการรังสรรค์ และประดิษฐ์ด้วยมืออย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สัมผัสถึงจิตวิญญาณของปรัชญาการออกแบบ Post Opulent การทอที่ซับซ้อนแต่ละเอียดอ่อนที่ผนวกลวดลายข้าวหลามตัดที่มีมิติความลึกจากเส้นใยคาร์บอน และเส้นใยโลหะถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยทีมช่างฝีมือของแบรนด์
ยนตรกรรม Black Badge มาพร้อมความพิเศษ โดยชิ้นส่วนโครเมียมต่างๆ รวมถึงสัญลักษณ์นางฟ้า ได้รับการทำสีดำเงา ช่วยเพิ่มความสุขุมลุ่มลึกและดุดันยิ่งขึ้น ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ วี12 สูบ 6,750 ซีซี ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้กับรุ่น Ghost โดยเฉพาะ ให้กำลัง 563 แรงม้า และแรงบิด 850 นิวตันเมตร ช่วยให้ยนตรกรรมพิกัดกว่า 2 ตัน มีอัตราเร่งทันใจในทุกสถานการณ์ แรงบิดสูงสุดมีให้ใช้ตั้งแต่ 1,600 รอบ/นาที ซึ่งสูงกว่ารอบเดินเบาประมาณ 600 รอบ/นาทีเท่านั้น รวมถึงมีการปรับแต่งท่อไอดีใหม่ เพื่อลดเสียงรบกวนที่อาจเล็ดลอดสู่ห้องโดยสาร ผสานความนุ่มนวลดุจพรมวิเศษ Magic Carpet Ride จากระบบช่วงล่าง Planar ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกลไก และระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความสะดวกสบายสูงสุด
Brabus 800 Adventure XLP
ต้องยกให้เป็นเซอร์ไพรส์ประจำงานปีนี้กับสุดยอดรถสายลุย Brabus 800 Adventure XLP ที่นำเข้ามาจัดแสดงโดยบริษัททาร์เก็ต คาร์ เซ็นเตอร์ ตัวแทนจำหน่าย Brabus อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยมีราคาเริ่มต้น 38.9 ล้านบาท พร้อมให้ลูกค้าเติมออปชั่นจนไปสุดที่ 50 ล้านบาท ทำให้ยืนหนึ่งในสายรถพร้อมชุดแต่งพิเศษ Modified Car ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2022
เอสยูวีสมรรถนะสูงคันนี้ทาง Brabus ได้นำ Mercedes-AMG G63 รุ่นล่าสุดมาปรับแต่งและขนานนามว่า Brabus 800 ที่มาพร้อมความพิเศษ และเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครด้วยเครื่องยนต์จาก Mercedes-AMG G63 ที่ได้รับการปรับแต่งจนมีกำลังเพิ่มเป็น 789 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที และแรงบิด 1,000 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมอัพเกรดระบบท่อไอเสียสแตนเลสแบบสปอร์ตพร้อมวาวล์ที่ควบคุมได้ ที่เดิมทีแล้ว Mercedes-AMG G63 จะใช้เวลา 4.5 วินาที ในการวิ่งจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. หรือ 240 กม./ชม. ด้วยแพ็คเกจเสริมของ AMG Driver แต่แพ็คเกจปรับแต่งของ Brabus ทำให้คันนี้วิ่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.1 วินาทีเท่านั้น
ด้วยชุดแต่ง Widestar ของ Brabus ทำให้ Brabus 800 Adventure XLP มีความกว้างกว่าเดิม 100 มม. ทั้งยังมีการออกแบบกันชนหน้าและหลังใหม่ พร้อมไฟ LED เสริมที่ชายล่างกันชนและบนหลังคา ส่วนฝากระโปรงหน้าก็ถูกยกชุดใหม่ ก่อนจะตบท้ายด้วยสปอยเลอร์หลังคา ฝาครอบล้ออะไหล่แบบคาร์บอนไฟเบอร์ และโลโก้ Brabus แบบเรืองแสงที่กระจังหน้า
ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดันย่อมมาพร้อมล้อที่โดดเด่น ดังนั้น Brabus จึงติดตั้งชุดล้อ Platinum Edition Monoblock ขนาด 23 นิ้ว ที่หุ้มด้วยยางประสิทธิภาพสูงขนาด 305/35R23 เพื่อเพิ่มความโดดเด่นยิ่งขึ้นบนท้องถนน
แน่นอนว่าการออกแบบภายในนั้นย่อมพิเศษสุดๆ เนื่องจากเจ้าของรถสามารถออกแบบได้ตามต้องการ ที่ Brabus จะนำเสนอทางเลือกการตกแต่งที่หลากหลาย ตั้งแต่ตัวเลือกหนังชั้นดี Alcantara ไปจนถึงคาร์บอนไฟเบอร์ในสีต่างๆ หรือตามที่ลูกค้าต้องการแบบไม่มีที่สิ้นสุด
Maserati MC20
Maserati MC20 ซูเปอร์คาร์รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายตรีศูล ผสานจิตวิญญาณสปอร์ตของเครื่องยนต์ Nettuno V6 3,000 ซีซี ที่มีกำลังสูงสุด 630 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุดกว่า 325 กม./ชม. โดยเป็นขุมกำลังที่ Maserati ผลิตขึ้นที่โรงงานของตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 22.5 ล้านบาท
อักษร MC ย่อจาก Maserati Corse ขณะที่ตัวเลข 20 มาจากปีที่เปิดตัว (2020) รูปลักษณ์ของ MC20 ใช้เวลาในการรังสรรค์ประมาณ 2 ปี ด้วยความร่วมมือตั้งแต่ต้นของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab, ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจาก Maserati Engine Lab และบรรดานักออกแบบจาก Maserati Style Centre รูปลักษณ์ของ MC20 ถูกออกแบบให้สะท้อนถึงตัวตนและประวัติศาสตร์ของแบรนด์ หลอมรวมความงามสง่า สมรรถนะ และความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว การให้ความสำคัญกับสมรรถนะ ก็ส่งผลให้รถมีบุคลิกโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ขณะที่ประตูเปิดขึ้นแบบปีกผีเสื้อ ไม่เพียงงดงาม แต่มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่โดดเด่น สามารถเข้า-ออกได้สะดวก
ระบบอากาศพลศาสตร์ผ่านการออกแบบและปรับแต่งในอุโมงค์ลมที่ Dallara Wind Tunnel โดยใช้เวลาทั้งหมดกว่า 2,000 ชั่วโมง และการทดสอบ CFD (Computational Fluid Dynamics) กว่า 1,000 ครั้ง ซึ่งผลลัพธ์ก็น่าประทับใจดุจงานศิลป์ เส้นสายตัวดูเรียบง่ายสะอาดตา โดยมีเพียงสปอยเลอร์หลังขนาดพอเหมาะ ที่ช่วยเพิ่มแรงกดให้ตัวรถ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความงดงาม มาพร้อมค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำกว่า 0.38
Aston Martin DBX
เป็นอีกครั้งที่ Aston Martin Bangkok เลือกนำความเร้าใจจากสนามแข่งฟอร์มูล่า วัน มาให้ผู้เข้าชมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ได้ร่วมสัมผัส โดยปีนี้พวกเขานำ Aston Martin DBX Medical Car อัลตร้า-ลักชัวรี่เอสยูวีที่ถูกดัดแปลงให้เป็นรถหน่วยพยาบาลประจำการแข่งขันฤดูกาล 2022 มาจัดแสดงที่บูธ
DBX Medical Car โทนสีเขียวใหม่ Racing Green ได้รับการโมดิฟายด์เพิ่มเติมเพื่อให้สามารถขับในสนามเดียวกับรถแข่งที่เร็วที่สุดของโลก โดยขุมกำลังพื้นฐานจะรีดพลังได้สูงสุด 500 แรงม้า และแรงบิด 700 นิวตันเมตร ใช้เวลาเพียง 4.5 วินาที ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 291 กม./ชม. เพื่อนำทีมแพทย์ไปสู่จุดเกิดเหตุเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมทั้งรองรับอุปกรณ์ที่จำเป็นตั้งแต่ถังดับเพลิงไปจนถึงเครื่องกระตุ้นหัวใจ
สำหรับ Aston Martin DBX มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 19,900,000 บาท
Lexus LS 500h
New Lexus LS โมเดลแฟล็กชิพของ Lexus สะท้อนปรัชญา Craftsmanship ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดีในทุกๆ รายละเอียด ภายใต้คุณภาพแห่งวิศวกรรมการผลิตระดับโลก แสดงถึงตัวตนของ Lexus และเอกลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่นที่มีมาตรฐานเหนือความคาดหมายเพื่อลูกค้าอย่างแท้จริง จนทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ LS 500h Executive Pleat จะมีค่างานฝีมือที่ 15,860,000 บาท
ในขั้นตอนการผลิต New Lexus LS มีการนำเทคโนโลยีโฟมยูรีเทนมาใช้ในเบาะที่นั่งเพื่อช่วยดูดซับแรงกระแทก พร้อมระบบช่วงล่าง Adaptive Variable Suspension สามารถตรวจสภาพถนนได้ละเอียดถึง 650 ระดับ ช่วยให้ความนุ่มนวลมากขึ้น เพิ่มความสุนทรีย์ระดับ First Class ในทุกการเดินทาง
ภายในเน้นความความปราณีตพิถีพิถัน และใส่ใจในทุกรายละเอียดจากช่างฝีมือชั้นครู Takumi Craftsmanship โดยวัสดุตกแต่งข้างประตูทำจากผ้าพลีททำมือ ประกอบกับแก้วเจียระไนสไตล์คิริโกะ คัต ศิลปะจากยุคสมัยเอโดะ รวมถึงการออกแบบที่ยึดผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางหน้าจอ EMV Display (Electro Multi Vision) ขนาด12.3 นิ้ว ใช้งานง่าย
ดีไซน์ภายนอกไฟหน้าใหม่แบบ New Slim 3-EYE และระบบมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก Lexus Safety System Plus เจเนอเรชั่นล่าสุด มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด BladeScan Adaptive High-beam System เทคโนโลยีปรับไฟสูง-ต่ำอัจฉริยะที่ช่วยกระจายแสงไฟด้านหน้ารถอย่างแม่นยำ