งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ภายใต้มาตรการคัดกรองโควิค 19 อย่างเข้มงวด เพราะค่ายรถแต่ละค่ายต่างอวดโฉมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ทั้งรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % ที่ภายในงานมีทั้งแบรนด์เก่า แบรนด์ใหม่ นำรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมเทคโนโลยีเจ๋งๆเข้ามาอวดโฉม และจำหน่ายกันหลากหลายรุ่น ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆมารู้จักรถยนต์ไฟฟ้า 100% ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 กันว่าคันไหนน่าโดนบ้าง
1. ORA GOOD CAT ราคาจำหน่าย 828,500 – 1,038,500 บาท
ORA GOOD CAT รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม GWM LEMON E PLATFORM มีตัวถังแบบ Hatchback 5 ประตู ดีไซน์ในแบบน่ารักคิกขุ กระจังหน้าคลาสสิกพร้อมระบบ Active Air Intake ชุดไฟหน้า LED รูปทรง Cat Eyes ด้านในเป็นไฟ Daytime Running Light ที่เป็นวงกลม ด้านท้ายตัวรถชุดไฟท้าย LED แบบ Tail light Strip พาดยาวซ้ายจรดขวา ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตลาย 5 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว สำหรับรุ่น PRO และ ULTRA ขนาด 17 นิ้ว สำหรับรุ่น TECH ภายในห้องโดยสารของ ORA Good Cat 2022 จะมีให้เลือกทั้งแบบโมโนโทนสีดำ และสีทูโทนที่เป็นสีเดียวกับตัวรถภายนอก โดดเด่นด้วยหน้าจอ Interactive Double Screen ที่เป็นหน้าจอ 2 จอเชื่อมต่อกันในขนาด 17.25 นิ้ว โดยแบ่งเป็นจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอล Full TFT ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอมัลติมิเดียระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว โดยจะมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น 400 TECH, 400 PRO และ 500 ULTRA มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 2 ขนาด ที่วิ่งได้ไกล 400 – 500 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง พละกำลังของ ORA Good Cat จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัวให้กำลังพละกำลัง 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้ความเร็วสูงสุด 152 กม./ชม.
2. MG EP ราคาจำหน่าย 761,000 – 771,000 บาท
หนึ่งเดียวของรถยนต์ไฟฟ้า 100 %ในประเทศไทย ที่มาในรูปแบบรถยนต์อเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง ทรงสเตชั่นแวกอน MG EP มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบ Suspended Wing Grille ที่ตกแต่งด้วยโครเมียมและ Piano Black ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน LED Daytime Running Light พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟท้าย LED แบบ Electric Pulse Design และไฟเบรก ดวงที่ 3 แบบ LED ล้ออัลลอยด์ดีไซน์แบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มวัสดุหนังแบบปรับมือ ตกแต่งแผงคอนโซลด้วยวัสดุแบบ Soft-touch เสริมความทันสมัยด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Digital Multi-Function Display ขนาด 7 นิ้ว พร้อมทั้งหน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว MG EP ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร พร้อมเกียร์แบบ Single-speed ทำความเร็วสูงสุดได้ 185 กม./ชม. สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางไกลสูงสุด 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
3. NEW MG ZS EV ราคาจำหน่าย 949,000 – 1,023,000 บาท
NEW MG ZS EV ไมเนอร์เชนจ์ เพิ่มแบตเตอรี่วิ่งไกลขึ้นเป็น 403 กิโลเมตร ภายนอกมีการเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ให้เป็นแบบทึบซึ่งมันทำให้รุ่นใหม่นี้ดูเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, กระจังหน้าแบบ Grille-less Design พร้อมช่องชาร์จไฟ, ไฟท้ายแบบ LED, กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า, สปอยเลอร์หลัง และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ Aero Wheel Cover ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำ พร้อมปรับปรุงดีไซน์คอนโซลหน้าใหม่ ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนังปรับระดับ 6 ทิศทางฝั่งผู้ขับขี่, หน้าจอมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว หน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว ขณะที่รุ่น X เพิ่มเติมด้วยหลังคา Panoramic Sunroof, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, ราวหลังคา, เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง, ที่พักแขนด้านหลัง, ระบบ Wireless Charger และเพิ่มจำนวนลำโพงจาก 4 จุด เป็น 6 จุด NEW MG ZS EV มีแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 50.3 kWh เทียบกับรุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์ที่มีขนาด 44.5 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางไกลขึ้นอยู่ที่ 403 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง (เดิมมีระยะทางขับขี่ 337 กิโลเมตร)
4. HOZON NETA V ราคาจำหน่ายไม่เกิน 700,000 บาท
HOZON NETA V เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ถูกนำเข้าโดย บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) กลุ่มเครือ ปตท. มีกำหนดการเปิดตัวในช่วงกลางปี 2565 ที่จะถึงนี้ ดีไซน์ของ HOZON NETA V ได้รับแรงบันดาลในมาจาก “โลมา” ด้านหน้ารถยื่นแหลมเหมือนกับส่วนของปาก และตัวถังมีสันนูนเน้นความลู่ลม ชุดไฟหน้าแบบ Eagle eye อยู่ในโคมเดียวกันทั้งไฟส่องสว่าง ไฟเลี้ยว และไฟ DRL ที่เป็น LED ทั้งระบบ ฝากระโปรงหน้าลาดเทมาจนชนในส่วนกระจังหน้าที่เป็นแบบปิดทึบ พร้อมออกแบบให้มีเส้นสายที่คมชัด ล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 15 นิ้ว ชุดไฟท้ายออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยว บนหลังคาติดตั้งสปอยเลอร์หลังคาและไฟเบรกด้วยที่ 3 กันชนท้ายสีดำดีไซน์สปอร์ตมาพร้อมไฟทับทิมดวงโต ภายในได้รับการออกแบบให้ดูเรียบง่ายสไตล์มินิมอล พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง 2 ก้านขนาดใหญ่แบบหัวตัดและท้ายตัด หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่เป็นแบบดิจิทัลทรงเหลี่ยมยาววางอยู่หลังพวงมาลัย หน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 13 นิ้ว อยู่ที่แผงแดชบอร์ด มาพร้อมระบบควบคุมสั่งงานด้วยเสียง ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติและระบบกรองอากาศ N95 ขุมพลังของ Hozon Neta V 2022 ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่เพลาคู่ล้อหน้า มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ รุ่น Standard เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมแบบ LFP ขนาด 40 kW แรงบิดอยู่ที่ 110 นิวตันเมตร ให้ระยะทางการวิ่งอยู่ที่ 301 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ส่วนในรุ่น Lone Rage จะมีแบตเตอรี่ขนาด 55 kW มากับแรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ไกล 401 กม. ส่วนความเร็วสูงุสดจะถูกจำกัดไว้ที่ 100 กม./ชม.
5. POCCO DD ราคาจำหน่าย 429,000 – 479,000 บาท
POCCO DD รถยนต์ไฟฟ้าคันจิ๋วที่ถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยโดย BRG พร้อมดีไซน์ตัวถังแบบ 5 ประตู พวงมาลัยซ้าย แบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อย คือ L และ K ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 29 กิโลวัตต์ (ประมาณ 39.4 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 100 กม./ชม. โดยรุ่น L ติดตั้งแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 10.3 kWh ให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 128 กิโลเมตร และ รุ่น K ขนาด 14.5 kWh ให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 178 กิโลเมตร สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านขนาด 220 โวลต์ ในเวลาราว 6-8 ชั่วโมง
6. POCCO MM ราคาจำหน่าย 439,000 -499,000 บาท
POCCO MM เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 3 ประตู เน้นความสปอร์ตมากกว่ารุ่น DD มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ YX และ ZX ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 20 กิโลวัตต์ (ประมาณ 27 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 9.2 kWh ให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 116 กิโลเมตรในรุ่น YX และความจุขนาด 14 kWh ให้ระยะทางขับขี่ 170 กิโลเมตรในรุ่น ZX
7. VOLVO C40 RECHARGE PURE ELECTRIC ราคาจำหน่าย 2,750,000 บาท
VOLVO C40 RECHARGE PURE ELECTRIC ครอสโอเวอร์ขุมพลังไฟฟ้า 100 % ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ไกลกว่า 500 กม.รูปลักษณ์ตัวรถดีไซน์ให้เป็นรถรูปแบบครอสโอเวอร์คูเป้ท้ายลาด กระจังหน้าเป็นแบบยูนิบอดี้พร้อมโลโก้วอลโว่ขนาดใหญ่ มากับพื้นที่ใต้ฝากระโปรงหน้าเมื่อเปิดขึ้นมาจะสามารถเก็บสัมภาระได้ถึง 30 ลิตร ชุดไฟหน้าแบบไฟ Pixel Technology Headlight โดยใช้เซ็นเซอร์กล้องหน้าควบคุมการเปิด-ปิดของ LED ทั้งหมด 84 ดวง สามารถปรับระดับความสว่างอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมของแสงภายนอก และติดตั้งไฟ Welcome Light ต้อนรับเมื่อผู้ขับแตะที่มือจับประตูรถ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ภายในห้องโดยสารมีความเรียบหรู ใช้วัสดุสีดำชาร์โคลกับอะลูมิเนียมในส่วนต่าง ๆ โดยจะเป็นรถอีก 1 รุ่น ของทางวอลโว่ที่จะไม่มีการใช้หนังแท้ของสัตว์เข้ามาตกแต่งภายใน นอกจากนี้ ยังถูกติดตั้งมาตรวัดแบบ TFT ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนต์มากับหน้าจอขนาด 9 นิ้วแบบสัมผัส ที่มาในรูปทรงแนวตั้ง รองรับคำสั่งการด้วยเสียง ระบบเสียงจากHarman Kardon หลังคาแบบ Panoramic Glass Roof ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า VOLVO C40 RECHARGE PURE ELECTRIC มากับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ไว้ที่คู่ล้อหน้าและหลัง ให้กำลังสูงสุดรวม 408 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.7 วินาที ด้านความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 180 กม./ชม. แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียม-ไอออนขนาดความจุ 78 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ไกลกว่า 500 กม.
8. NISSAN LEAF ราคาจำหน่าย 1,490,000 บาท
NISSAN LEAF ถึงแม้จะออกมาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่พักใหญ่ แต่ก็มียอดขายไม่ได้เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นักหนึ่งเหตุผลนั้นก็คือราคาที่สูงเกิน เพราะออกมาวางจำหน่ายในราคา 1,990,000 บาท เมื่อเทียบราคากับสิ่งที่ได้แล้วดูจะแพงเกินไปซะหน่อย แต่ล่าสุดภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ได้มีการประกาศลดราคา NISSAN LEAF ลงไป 700,000 บาท ทำให้มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,490,000 บาท เท่านั้น นับว่าเป็นราคาที่น่าสนใจไม่น้อย ภายนอกของ NISSAN LEAF ติดตั้งไฟหน้าแบบ LED, ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED, กระจังหน้าทรง V-Motion สำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนังสีดำตกแต่งด้วยสีฟ้า เครื่องเสียงวิทยุหน้าจอสีขนาด 5 นิ้ว ฝั่งผู้ขับขี่ติดตั้งหน้าจอสีแบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว NISSAN LEAF ถูกติดตั้งเทคโนโลยี e-Pedel ช่วยให้สามารถเร่งความเร็วและลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งได้ด้วยแป้นคันเร่งเพียงอย่างเดียว โดยไม่จำเป็นต้องแตะเบรก มาพร้อมระบบ Intelligent Ride Control ที่ช่วยควบคุมแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเหมาะสมในขณะเข้าโค้ง นอกจากนี้ NISSAN LEAF ยังมีขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 7.9 วินาที สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 311 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง