New Comer Mitsubishi Outlander PHEV Black Edition เพิ่มความเข้มพร้อมอัพเกรดอุปกรณ์มาตรฐาน
Mitsubishi ขยายทางเลือกที่มีความสปอร์ตเข้มให้กับ Outlander PHEV ในญี่ปุ่นด้วย Black Edition พร้อมกับการอัพเดตอุปกรณ์มาตรฐานให้กับ Outlander PHEV เกรดต่างๆ
Mitsubishi Outlander PHEV Black Edition ซึ่งใช้พื้นฐานจากเกรด G ที่เป็นเกรดกลางของ Outlander PHEV ในญี่ปุ่นมาพร้อมกับการเพิ่มความสปอร์ตเเข้มรอบคันตามชื่อ ด้วยการมีทั้งกระจังหน้า แผ่นกันกระแทกทั้งที่กันชนหน้าและกันชนหลัง รวมทั้งกระจกมองข้างเป็นสีดำ นอกจากนี้ยังมีเสา B-Pillar และเสาที่ประตูหลังของรถเป็นสีดำเงา พร้อมมีล้ออลูมินัมขนาด 20 นิ้วสีดำ Outlander PHEV Black Edition ยังมี 4 สีทูโทนและ 2 สีโมโนโทนให้เลือกสำหรับภายนอกรถ รวมทั้งสีทูโทนใหม่เทา Titanium Gray Metallic/ดำ Black Mica ส่วนในห้องโดยสารของรถที่มีทั้งแบบ 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่งให้เลือกมีความเปลี่ยนแปลงจากเกรดที่ใช้เป็นพื้นฐานไม่มาก ด้วยการคงธีมความเข้มจากภายนอกรถกับเพดานสีดำ และมีแผงเกียร์ที่ถูกออกแบบโดยเฉพาะพร้อมการสลักด้วยเลเซอร์
ส่วนการอัพเดตให้กับ Outlander PHEV ในทุกเกรดรวมทั้ง Black Edition จะเน้นในด้านเทคโนโลยี ด้วยการเชื่อมต่อไว-ไฟสำหรับอินเตอร์เน็ตให้ใช้ในรถในอัตราความเร็วคงที่และไม่จำกัดการโหลดข้อมูล รวมทั้งเพิ่มฟังก์ชันล็อก-ปลดล็อกในแอปป์ My Mitsubishi Connect นอกจากนี้ยังมีสีภายนอกของรถให้เลือกรวม 13 สี รวมทั้ง 2 สีทูโทนใหม่ สีแดง Red Diamond/ดำ Black Mica และสีเงิน Sterling Silver Metallic/ดำ Black Mica Mitsubishi Outlander PHEV ทุกเกรดในญี่ปุ่นขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.4 ลิตร 131 แรงม้าที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 195 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์คู่ที่ให้กำลังคงที่ 54 แรงม้าทั้ง 2 มอเตอร์ แต่มอเตอร์หน้าสามารถให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 255 นิวตัน-เมตร ขณะที่มอเตอร์หลังสามารถให้กำลังสูงสุด 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 195 นิวตัน-เมตร ส่วนแบตเตอรีมีขนาด 20 kWh ราคาของ Outlander PHEV Black Edition ในญี่ปุ่นแบบ 5 ที่นั่งอยู่ที่ 5,047,900 เยน ขณะที่แบบ 7 ที่นั่งอยู่ที่ 5,139,200 เยนหรือประมาณ 1,321,600 บาทและ 1,345,500 บาทตามลำดับ
Mitsubishi Outlander PHEV Black Edition ซึ่งใช้พื้นฐานจากเกรด G ที่เป็นเกรดกลางของ Outlander PHEV ในญี่ปุ่นมาพร้อมกับการเพิ่มความสปอร์ตเเข้มรอบคันตามชื่อ ด้วยการมีทั้งกระจังหน้า แผ่นกันกระแทกทั้งที่กันชนหน้าและกันชนหลัง รวมทั้งกระจกมองข้างเป็นสีดำ นอกจากนี้ยังมีเสา B-Pillar และเสาที่ประตูหลังของรถเป็นสีดำเงา พร้อมมีล้ออลูมินัมขนาด 20 นิ้วสีดำ Outlander PHEV Black Edition ยังมี 4 สีทูโทนและ 2 สีโมโนโทนให้เลือกสำหรับภายนอกรถ รวมทั้งสีทูโทนใหม่เทา Titanium Gray Metallic/ดำ Black Mica ส่วนในห้องโดยสารของรถที่มีทั้งแบบ 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่งให้เลือกมีความเปลี่ยนแปลงจากเกรดที่ใช้เป็นพื้นฐานไม่มาก ด้วยการคงธีมความเข้มจากภายนอกรถกับเพดานสีดำ และมีแผงเกียร์ที่ถูกออกแบบโดยเฉพาะพร้อมการสลักด้วยเลเซอร์
ส่วนการอัพเดตให้กับ Outlander PHEV ในทุกเกรดรวมทั้ง Black Edition จะเน้นในด้านเทคโนโลยี ด้วยการเชื่อมต่อไว-ไฟสำหรับอินเตอร์เน็ตให้ใช้ในรถในอัตราความเร็วคงที่และไม่จำกัดการโหลดข้อมูล รวมทั้งเพิ่มฟังก์ชันล็อก-ปลดล็อกในแอปป์ My Mitsubishi Connect นอกจากนี้ยังมีสีภายนอกของรถให้เลือกรวม 13 สี รวมทั้ง 2 สีทูโทนใหม่ สีแดง Red Diamond/ดำ Black Mica และสีเงิน Sterling Silver Metallic/ดำ Black Mica Mitsubishi Outlander PHEV ทุกเกรดในญี่ปุ่นขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.4 ลิตร 131 แรงม้าที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 195 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์คู่ที่ให้กำลังคงที่ 54 แรงม้าทั้ง 2 มอเตอร์ แต่มอเตอร์หน้าสามารถให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 255 นิวตัน-เมตร ขณะที่มอเตอร์หลังสามารถให้กำลังสูงสุด 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 195 นิวตัน-เมตร ส่วนแบตเตอรีมีขนาด 20 kWh ราคาของ Outlander PHEV Black Edition ในญี่ปุ่นแบบ 5 ที่นั่งอยู่ที่ 5,047,900 เยน ขณะที่แบบ 7 ที่นั่งอยู่ที่ 5,139,200 เยนหรือประมาณ 1,321,600 บาทและ 1,345,500 บาทตามลำดับ